img
Loading ...
ผู้ซื้อ (buyer) และผู้ผลิต​ (supplier) ยอมรับข้อตกลงว่าจ้างการผลิต ตามเงื่อนไขที่ทาง Kumopack ได้ระบุไว้ตามหลักเกณฑ์สากล ซึ่งผู้ซื้อ (buyer) และผู้ผลิต​ (supplier) ต่างยอมรับข้อตกลงร่วมกันดังนี้

1. ไซส์กล่องบรรจุภัณฑ์

1.

การผลิตไซซ์กล่องกระดาษ ผู้ผลิต​ (supplier) ผลิตตามข้อมูลโดยอ้างอิงไซซ์ในใบเสนอราคาเป็นหลัก ผู้ผลิต​ (supplier) ต้องระบุไซซ์ว่าเป็นขนาดภายใน (inner), ภายนอก (outer), และขนาดทับรอย (score line) ให้ชัดเจน หากไม่ได้ระบุให้อิงความสำคัญของไซซ์ตัวอย่างที่ทาง ผู้ผลิต​ (supplier) ส่งให้ ผู้ซื้อ (buyer) และผู้ซื้อคอนเฟิมส์เป็นหลัก

2.

การคอนเฟิมการผลิต ผู้ผลิต​ (supplier) ต้องส่งตัวอย่างกล่องตามไซซ์ที่ระบุในใบเสนอราคาเพื่อให้ลูกค้าตรวจสอบความถูกต้องของไซซ์จนกว่าลูกค้าคอนเฟิมถึงสามารถผลิตได้ หากเกิดผลิตก่อนทาง ผู้ซื้อ (buyer) คอนเฟิมถือว่าผู้ผลิต​ (supplier) ตัดสินใจโดยพละกาล หากเกิดข้อพิพากษ์ถือว่าทางผู้ผลิต​ (supplier) ต้องรับผิดชอบด้วยการผลิตใหม่ทั้งหมด หรือคืนค่ามัดจำเต็มจำนวนหากไม่สามารถตกลงกับ ผู้ซื้อ (buyer) ได้

3.

ไซซ์กล่องกระดาษอ้างอิงจากเส้น score line หรือจากตัวอย่างที่ลูกค้า confirm แล้ว โดยค่าความคลาดเคลื่อนหรือ error +- ได้ไม่เกิน 2mm ต่อด้าน หากผู้ผลิต​ (supplier) ผลิตสินค้าโดยมีค่า error +- ไม่เกินตามหลักเกณฑ์นี้ ผู้ซื้อ (buyer) ไม่มีสิทธิ์ขอยกเลิกหรือคืนสินค้า

4.

ผู้ซื้อ (buyer) มีหน้าที่เช็คความถูกต้องของไซซ์กล่องตัวอย่าง

2. สเปคกระดาษและแกรมกระดาษ

1.

สเปคสีกระดาษอ้างอิงข้อมูลตามใบแจ้งหนี้เป็นหลัก โดยที่สเปคสีกระดาษทางผู้ผลิต​ (supplier) มีหน้าที่ส่งตัวอย่างเฉดสีให้ลูกค้า confirm ก่อนผลิตทุกครั้ง

2.

แกรมกระดาษอ้างอิงตามใบแจ้งหนี้เป็นหลัก ผู้ผลิต​ (supplier) มีหน้าที่ส่งตัวอย่างกล่องกระดาษตามสเปคจริง หรือแผ่นกระดาษตามสเปคจริงให้กับทางผู้ซื้อ (buyer) ก่อน confirm การผลิตทุกครั้งที่มีการสั่งผลิตไซซ์ใหม่

3.

แกรมกระดาษอ้างอิงตามค่ามาตรฐานเป็นหลัก หากแกรมกระดาษไม่ตรงสเปคในใบแจ้งหนี้ที่มีการ confirm แล้วถือว่าผู้ผลิต​ (supplier) จะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายในล็อตนั้นๆ

4.

แกรมกระดาษปะลอนด้านใน ผู้ผลิต​ (supplier) มีหน้าที่แจ้งลูกค้าให้ทราบถึงแกรมกระดาษที่ใช้ในการผลิตทุกครั้ง และ ผู้ซื้อ (buyer) มีสิทธิ์ปฏิเสธหากผู้ผลิต (supplier) ส่งมอบสินค้าไม่ตรงสเปคที่แจ้งไว้

3. การผลิตและงานพิมพ์

1.

การผลิตกระดาษ ผู้ผลิต​ (supplier) ผลิตกล่องกระดาษและส่งมอบให้ลูกค้าโดยลักษณะความแข็งแรง สเปคสี และแกรมกระดาษอ้างอิงตามใบแจ้งหนี้เป็นหลัก โดยที่ลอนกระดาษจะไม่ถูกกดทับจนมีลักษณะลอนล้มและมีผลต่อความแข็งแรง

2.

งานพิมพ์สีทาง ผู้ผลิต​ (supplier) และ ผู้ซื้อ (buyer) มีการตกลงกันตามรหัส Pantone C (กรณีงานพิมพ์ระบบ flexography) หรือ CMYK (กรณีพิมพ์ระบบ digital print) ก่อนการผลิต โดยผู้ผลิต​ (supplier) มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการส่งใบแสดงเฉดสี pantone C ลงบนเนื้อกระดาษตามสเปคนั้นๆในใบแจ้งหนี้ และมีค่ากำหนด lower upper ที่ชัดเจนกรณีลูกค้าร้องขอ

3.

แกรมกระดาษอ้างอิงตามใบแจ้งหนี้ล่าสุดที่ลูกค้าเป็นผู้คอนเฟิร์มการผลิต ทั้งนี้น้ำหนักโดยรวมของแกรมกระดาษตามใบแจ้งหนี้ + - ทุกชั้น (layers) จะไม่เกิน xxxx %

4. จำนวนในการผลิต

1.

จำนวนในการผลิต +,- ไม่เกิน 3% ของยอดการสั่งซื้อ ทั้งนี้หากสินค้าที่ผลิตขาด ทาง ผู้ผลิต​ (supplier) สามารถแจ้งกับทาง ผู้ซื้อ (buyer) ให้จบดีลงานนั้นๆได้หากผู้ซื้อ (buyer) ยินยอม

2.

กรณีสินค้าผลิตขาดจำนวนเกิน 3% แล้วผู้ซื้อ (buyer) ไม่ยินยอม ทาง ผู้ผลิต​ (supplier) มีความรับผิดชอบต้องผลิตให้ครบตามจำนวนตามข้อตกลงที่ได้แจ้งไว้กับทางผู้ซื้อ (buyer)

3.

กรณีสินค้าผลิตขาดจำนวนไม่เกิน 3% ผู้ผลิต​ (supplier) สามารถแจ้งทางผู้ซื้อ (buyer) ขอปิดดิลตามใบสั่งซื้อได้แม้ผู้ซื้อ (buyer) ไม่ยินยอม เนื่องจากทาง ผู้ซื้อ (buyer) ยอมรับเงื่อนไขและกฏเกณฑ์ในการผลิตสินค้าภายใต้เว็บ Kumopack แล้ว

5. การจัดส่ง

1.

เมื่อทางผู้ผลิต​ (supplier) ผลิตสินค้าเสร็จแล้ว มีความรับผลิตชอบต้องเร่งนำส่งสินค้าให้ทางลูกค้าภายใต้กรอบเวลาที่ผู้ผลิต​ (supplier) และผู้ซื้อ (buyer) ยอมรับร่วมกัน โดยมีความล่าช้าต้องไม่มากกว่า 5 วันทำการตามเวลาที่กำหนด หากเลยกำหนดดังกล่าวทางระบบจะเป็นผู้ปรับผู้ผลิต​ (supplier) วันละ 2% จากยอดขาย หรือทางผู้ซื้อ (buyer) มีสิทธิในการขอเปลี่ยนเจ้าผู้ผลิต หรือแจ้งยกเลิก

2.

หลังจากผลิตสินค้าเสร็จพร้อมจัดส่ง ทางผู้ผลิต​ (supplier) มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการประสานงานกับทางผู้ซื้อ (buyer) เพื่อทำการจัดส่ง ทั้งนี้หากผู้ซื้อ (buyer) ไม่สามารถติดต่อได้ หรือทำการเลื่อนดิวการจัดส่ง จะไม่ถือว่าทางผู้ผลิต​ (supplier) ผลิตเลยเวลาที่กำหนด

3.

การจัดส่งทางผู้ผลิต​ (supplier) มีหน้าที่จัดส่งสินค้าถึงสถานที่ๆได้ตกลงไว้กับทาง ผู้ซื้อ (buyer) หรือตามโลเคชั่นที่ผู้ซื้อ (buyer) ลงไว้ในระบบ ซึ่งผู้ผลิต​ (supplier) มีหน้าที่ลงสินค้าให้กับทาง ผู้ซื้อ (buyer) ทั้งจำนวน แต่ไม่รวมถึงการขึ้นชั้น การยกสินค้าขึ้นลิฟท์ หรือการยกสินค้าไปในสถานที่ห่างไกลรถส่งสินค้าเกินกว่า 50 เมตร หากสถานที่จัดส่งปลายทางมีลักษณะดังกล่าว ทางผู้ผลิต​ (supplier) มีสิทธิ์แจ้งเรียกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมกับทางผู้ซื้อ (buyer) ได้

6. การชำระค่าสินค้า

1.

เมื่อผู้ซื้อ (buyer) ได้รับใบเสนอราคาจากผู้ผลิต​ (supplier) และตกลงที่จะทำการซื้อขายกันแล้ว ทางผู้ผลิต​ (supplier) มีหน้าที่ออกเอกสารใบแจ้งหนี้ (invoice) ให้กับผู้ซื้อ (buyer) ภายในระบบ

2.

หลังจากผู้ซื้อ (buyer) ทำการชำระค่าสินค้าในระบบแล้ว ค่าสินค้าดังกล่าวจะถือเป็นค่ามัดจำการผลิตสินค้าล่วงหน้า โดยทาง Kumopack จะเป็นผู้ดูแลเงินจำนวนนี้จนกว่าทางผู้ซื้อ (buyer) และ ผู้ผลิต​ (supplier) ทำการส่งมอบสินค้าและยอมรับสินค้าแล้ว ถือเป็นการปิดดิลการสั่งซื้อนี้ ทางระบบบัญชี kumopack จะทำการโอนยอดส่วนต่างให้กับทางผู้ผลิต​ (supplier)

3.

หลังจากผู้ผลิต​ (supplier) ได้รับข้อมูลการเปิดงานการสั่งซื้อจากในระบบแล้ว ผู้ผลิต​ (supplier) มีหน้าที่ทำตัวอย่างส่งมอบให้กับทางผู้ซื้อ (buyer) เพื่อทำการยืนยันการผลิต หลังจากทางผู้ซื้อ (buyer) กดยืนยันตัวอย่างแล้ว ทางระบบจะถือว่าผู้ซื้อ (buyer) ยอมรับเงื่อนไขตามใบแจ้งหนี้ของทางผู้ผลิต​ (supplier) ทางระบบ kumopack จะมีหน้าที่โอนยอดชำระค่ามัดจำ 50% แรกให้กับทางผู้ผลิต​ (supplier) เพื่อทำการสั่งผลิตสินค้า และระบบจะเริ่มนับการผลิตและถือว่าวันที่ผู้ซื้อ (buyer) ยืนยันตัวอย่างแล้ว นับเป็นวันที่ 1 ตามเงื่อนไขระยะเวลาที่โรงงานกำหนด

4.

หลังจากผู้ผลิต​ (supplier) ทำการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับทางผู้ซื้อ (buyer) เสร็จสิ้นทางผู้ซื้อ (buyer) มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องก่อนรับสินค้า และผู้ซื้อ (buyer) มีหน้าที่กดยืนยันการรับสินค้าภายในระบบ kumopack เพื่อถือเป็นการปิดดิล และเลข tacking การสั่งผลิตสินค้านี้ถือเป็นสิ้นสุด กรณีทางผู้ซื้อ (buyer) รับสินค้าแล้วและไม่กดยอมรับสินค้าภายใน 7 วัน และไม่ได้มีการแจ้งเคลมสินค้า ระบบจะถือว่าลูกค้าได้รับสินค้าเป็นที่เรียบร้อย และระบบจะทำการปิดดิล เลข tacking การสั่งผลิตสินค้านี้ถือเป็นสิ้นสุด